ห้องปฏิบัติการเฉพาะทาง Autonomic Function Test
HRV ระบบประสาทอัตโนมัติ และการตรวจความผิดปกติ
การวินิจฉัย dysautonomia และ POTS ที่แม่นยำ เพื่อวางแผนการรักษาที่ตรงจุด
ต้องเตรียมตัวอย่างไรเมื่อตรวจ AFT?
- นอนหลับให้เพียงพอในคืนก่อนตรวจ
- งดกาแฟ เครื่องดื่มชูกำลัง และบุหรี่ อย่างน้อย 4–6 ชั่วโมงก่อนตรวจ
- งดยาบางชนิดตามคำแนะนำของแพทย์เจ้าของไข้
- สวมเสื้อผ้าที่เคลื่อนไหวง่าย และมาถึงก่อนเวลานัดเล็กน้อย
หากไม่แน่ใจเรื่องยาที่ต้องงด กรุณาปรึกษาแพทย์เจ้าของไข้ หรือโทรสอบถามห้องปฏิบัติการก่อนวันตรวจ
ภาพรวมระบบประสาทอัตโนมัติ
ระบบประสาทอัตโนมัติ (Autonomic Nervous System; ANS) เป็นระบบที่ควบคุมการทำงานพื้นฐานของร่างกายโดยที่เราไม่ต้องสั่ง เช่น การเต้นของหัวใจ ความดันโลหิต การย่อยอาหาร เหงื่อ และการไหลเวียนเลือดไปยังอวัยวะต่าง ๆ
ANS แบ่งออกเป็นสองระบบที่ทำงานควบคู่กัน ได้แก่ ระบบพาราซิมพาเทติก (parasympathetic) ซึ่งเกี่ยวข้องกับโหมดพัก–ฟื้นตัว และระบบซิมพาเทติก (sympathetic) ซึ่งเกี่ยวข้องกับโหมดเร่ง–ตอบสนองต่อความเครียด
การตรวจ HRV และการทดสอบ Autonomic Function Test ช่วยให้เราเห็นสมดุลของสองระบบนี้ได้อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น
ภาพตัวอย่างการทำงานร่วมกันของระบบซิมพาเทติกและพาราซิมพาเทติกในอวัยวะสำคัญ เช่น หัวใจ หลอดเลือด ระบบย่อยอาหาร และรูม่านตา
เลือกเนื้อหาที่ต้องการ
เลือกแท็บด้านบนเพื่อดูคำอธิบายที่ออกแบบให้เหมาะกับกลุ่มผู้อ่านแต่ละกลุ่ม เนื้อหาทั้งหมดอ้างอิงหลักฐานวิชาการเดียวกัน
เมื่อไหร่ที่ควรพบแพทย์เพื่อตรวจระบบประสาทอัตโนมัติ?
- ลุกขึ้นแล้วหน้ามืด เวียนศีรษะ ใจสั่น เหงื่อออก
- เป็นลมหมดสติ โดยเฉพาะเวลาลุกจากท่านอน/นั่ง หรือในห้องน้ำ
- หัวใจเต้นเร็วผิดปกติแม้พักเฉย ๆ หรือเต้นเร็วมากเวลาลุกขึ้น
- ระบบย่อยอาหารแปรปรวน ท้องอืด แน่นท้อง หรือคลื่นไส้เรื้อรัง โดยไม่พบสาเหตุจากทางเดินอาหารชัดเจน
- เหงื่อที่มือออกง่าย หรือปลายมือปลายเท้าเย็นเป็นประจำ
- ปัสสาวะไม่ออก
หากคุณมีอาการเหล่านี้บ่อยหรือรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน ควรปรึกษาแพทย์ประจำตัว หรือแพทย์เฉพาะทางโรคหัวใจ/ระบบประสาท
การตรวจ Autonomic Function Test ทำอะไรบ้าง?
- ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจและความดันโลหิตต่อเนื่องในขณะนอน นั่ง ยืน
- ทดสอบการเปลี่ยนท่าทาง (active standing) เพื่อดูการตอบสนองของหัวใจและความดัน
- ทดสอบการหายใจลึก/หายใจตามจังหวะ เพื่อประเมิน HRV และพาราซิมพาเทติก
- ทดสอบ Valsalva maneuver (เป่าลมต้านแรง) เพื่อตรวจการตอบสนองของ baroreflex
ใช้เวลารวมประมาณ 2–3 ชั่วโมง ผู้ป่วยส่วนใหญ่กลับบ้านได้ในวันเดียว
ข้อมูลสำหรับแพทย์ผู้ส่งต่อ
ห้องปฏิบัติการตรวจประสาทอัตโนมัติของเราให้บริการ standardized Autonomic Function Test ตามแนวทางสากล ประกอบด้วย:
- Resting ECG & beat-to-beat BP monitoring
- Deep breathing test และ HRV time/frequency-domain indices
- Active standing / head-up positioning พร้อมวัด HR และ BP ต่อเนื่อง
- Valsalva maneuver พร้อมวิเคราะห์ phase และ baroreflex function
รายงานผลจะระบุค่าตัวชี้วัดสำคัญ (เช่น HRV, baroreflex indices, pattern ของ HR/BP) และสรุปภาพรวมว่าเข้าได้กับ orthostatic hypotension, POTS, หรือรูปแบบอื่นของ dysautonomia หรือไม่
ข้อมูลที่ช่วยให้การแปลผลมีความหมายมากขึ้น
- โรคประจำตัวที่เกี่ยวข้อง เช่น เบาหวาน โรคเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ภาวะหลังติดเชื้อ
- ยาที่ใช้อยู่ โดยเฉพาะยาความดัน ยาจิตเวช ยาต้านหัวใจเต้นผิดจังหวะ
- ลักษณะอาการ เวลาที่เป็น และปัจจัยกระตุ้นที่พบ
- ผลตรวจพื้นฐาน เช่น CBC, electrolytes, HbA1c, echocardiography (ถ้ามี)
สามารถแนบใบส่งตัวหรือสรุปเวชระเบียนย่อมาด้วย เพื่อช่วยให้การแปลผลเชื่อมโยงกับบริบททางคลินิกได้แม่นยำยิ่งขึ้น
HRV สำหรับนักกีฬา: อ่านค่าตัวเลขให้ลึกขึ้น
ในกลุ่มนักกีฬา HRV ใช้เป็นเครื่องมือดูทั้ง ความพร้อมของระบบประสาทอัตโนมัติ ภาวะเครียดจากการซ้อม และการฟื้นตัวของร่างกาย จุดสำคัญคือค่าทุกตัวควรแปลผลเทียบกับ ค่าเฉลี่ยของแต่ละคน (personal baseline) ไม่ควรนำค่าดิบไปเทียบข้ามคนโดยตรง
Time-domain indices (ระยะสั้น ~5 นาที)
-
RMSSD
สะท้อนกิจกรรมของพาราซิมพาเทติก (vagal tone) เป็นหลัก ใช้ดูการฟื้นตัวหรือการฝึกฝนร่างกายมากเกินไปได้ดี -
SDNN (short-term)
เป็นส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของ NN intervals ในช่วงเวลาที่บันทึก ในการบันทึกสั้นมาก (เช่น 5 นาที) SDNN จะได้รับอิทธิพลจากระยะเวลาบันทึกมาก และสะท้อน “overall variability” น้อยกว่าการบันทึก 24 ชม. -
Total Power (TP)
กำลังรวมของสเปกตรัม HRV ในช่วงความถี่ที่วิเคราะห์ ใน short-term recording ใช้ดูแนวโน้ม “ระดับกิจกรรมโดยรวม” ของระบบประสาทอัตโนมัติร่วมกับ RMSSD และ HF
| แนวโน้มเมื่อเทียบกับ baseline | ความหมายเบื้องต้น |
|---|---|
| RMSSD / TP อยู่ในช่วงเดิมหรือสูงขึ้นเล็กน้อย | การฟื้นตัวมักเพียงพอ ภาระการซ้อมเหมาะสม |
| RMSSD ลดลงชัดเจน 3–5 วันต่อเนื่อง | สงสัยภาวะ fatigue/overreaching ควรพิจารณาลด intensity การซ้อมและเพิ่มวันพัก |
| HR ขณะพักสูงกว่าปกติ 5–10 bpm ร่วมกับ RMSSD ต่ำลง | อาจมีความเครียดทางกาย/ใจ การพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือติดเชื้อระยะแรก |
Frequency-domain & ภาพรวมการแปลผล
-
HF (0.15–0.40 Hz)
สะท้อนพาราซิมพาเทติก โดยเฉพาะกิจกรรมที่สัมพันธ์กับการหายใจ -
LF (0.04–0.15 Hz)
เกี่ยวข้องกับ baroreflex และมีส่วนผสมของทั้ง sympathetic + parasympathetic -
LF/HF ratio
ใช้ดูแนวโน้มสมดุลโดยรวมได้บ้าง แต่ไม่ควรใช้ตีความเป็นตัวเดียว ควรดูร่วมกับค่า time-domain และบริบทการซ้อม/การนอนหลับ
ในภาพรวม นักกีฬาที่มีสุขภาพดีและซ้อมเหมาะสมมักมี HR ขณะพักค่อนข้างต่ำ ร่วมกับ RMSSD, HF และ total power อยู่ในช่วงปกติหรือสูงกว่าคนทั่วไปเล็กน้อย ค่า HRV สามารถแกว่งขึ้นลงตามภาระการฝึกซ้อมและความเครียดในชีวิตประจำวัน แต่ไม่ควรลดลงต่อเนื่องหลายวันแบบไม่มีเหตุผลชัดเจน
หมายเหตุ: การใช้ค่า HRV จากอุปกรณ์สวมใส่ (wearable) เพื่อปรับโปรแกรมการซ้อมควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของผู้ฝึกสอนและบุคลากรทางการแพทย์ โดยเฉพาะในนักกีฬาที่มีโรคประจำตัวหรือมีอาการผิดปกติร่วมด้วย
Dr. Phoopha Series
เรื่องเล่าจากห้องฉุกเฉินของหมอภูผา
ผู้ป่วยที่ล้ม วูบ ใจสั่น เหงื่อไม่ออก หรือความดันตก — เรื่องที่หลายคนคิดว่า “ธรรมดา” แต่หมอภูผามองเห็นสัญญาณลึกกว่านั้นของระบบประสาทอัตโนมัติ
ผู้หญิงที่ไม่มีเหงื่อ
อ่านตอนเต็มยาที่ไม่ได้บอกหมอ
อ่านตอนเต็มหัวใจที่เต้นเร็วกว่าร่างกาย
อ่านตอนเต็มล้มด้วยแรงที่ไม่ใช่ความแก่
อ่านตอนเต็มวูบแรกในชีวิต
อ่านตอนเต็มเกลือหยดสุดท้าย
อ่านตอนเต็มคุยกันข้างลู่: HRV บนนาฬิกา
อ่านตอนเต็มคำถามที่พบบ่อย (FAQ)
- การตรวจเจ็บไหม?
ส่วนมากไม่เจ็บ เป็นการวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ความดันเลือด และการเปลี่ยนท่าทาง - ใช้เวลานานเท่าไร?
ปกติใช้เวลาตรวจประมาณ 2–3 ชั่วโมง รวมเวลาพักระหว่างการทดสอบ - ตรวจแล้วต้องนอนโรงพยาบาลหรือไม่?
โดยทั่วไปสามารถกลับบ้านได้ในวันเดียว
งานวิจัยและความรู้เพิ่มเติม
ส่วนนี้สามารถใช้รวบรวมบทความวิชาการ งานวิจัย หรือสื่อการสอนที่เกี่ยวข้องกับ HRV และ Autonomic Function Test เพื่อให้นักศึกษาแพทย์ บุคลากรทางการแพทย์ และผู้สนใจทั่วไปสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้