กลับไปหน้าเรื่องหมอภูผา
EP.5 · ล้มด้วยแรงที่ไม่ใช่ความแก่

ล้มด้วยแรงที่ไม่ใช่ความแก่

เป็นลมในห้องน้ำตอนเช้า ขณะเบ่งถ่าย – ไม่ใช่เพราะอายุ แต่เพราะ vasovagal syncope และเสียงร่างกายที่อยากให้ลูกชายหันมาฟัง

หมอภูผา – ER & Autonomic vasovagal syncope / defecation / elderly & family communication
“คนที่เราเคยพึ่งพา ตอนนี้กลับต้องให้เรามาดูแล”
— นพ.ภูผา

บทที่ 1 – เช้าตรู่กับอาการที่ดูไม่น่าเป็นเรื่องใหญ่: เสียงที่ลูกชายไม่เคยได้ยิน

เสียงโทรศัพท์มือถือของหมอภูผาดังขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่ในห้องพักแพทย์ฉุกเฉิน กาแฟในแก้วยังไม่ทันพร่องไปครึ่งหนึ่ง เสียงจากเวรเปลดังขึ้นอย่างกระหืดกระหอบ “หมอครับ! เคสใหม่ครับ! คุณป้าลดา อายุ 74 ปี เป็นลมในห้องน้ำตอนเช้า ขณะเบ่งถ่ายครับ!”

ไม่นานนัก ร่างของคุณป้าลดาก็ถูกเข็นเข้ามาบนเตียงฉุกเฉิน ตามมาด้วยลูกชายวัยกลางคนชื่อ ธนา ที่ดูตื่นตระหนกจนหน้าถอดสี ธนารีบเล่าอาการทันทีที่หมอภูผาเดินเข้ามาใกล้ “แม่ไม่ค่อยถ่ายมา 2–3 วันครับ เช้านี้บอกว่าท้องอืดแน่นมาก เลยเข้าห้องน้ำนานผิดปกติ… แล้วผมก็ได้ยินเสียงล้มดัง ‘ตุบ’ เลยรีบพังประตูเข้าไปดู แม่ก็ไม่ตอบเลยครับ!” น้ำเสียงของเขาสั่นเครือด้วยความกังวลและแฝงความรู้สึกผิดบางอย่างที่อัดแน่นอยู่ในใจ

บทที่ 2 – การตรวจที่บอกเล่าเรื่องร่างกาย: สัญญาณที่ถูกมองข้าม

คุณป้าลดานอนนิ่งอยู่บนเตียงฉุกเฉิน ใบหน้าซีดเล็กน้อย แต่ดูโดยรวมแล้วไม่ได้มีอาการรุนแรงอย่างที่ธนากังวล หมอภูผาเริ่มตรวจร่างกายอย่างละเอียด พยาบาลช่วยต่อเครื่องวัดสัญญาณชีพอย่างรวดเร็ว

ค่าที่ปรากฏบนหน้าจอทำให้หมอภูผาพยักหน้าเล็กน้อย:

BP (ตอนมา): 84/54 mmHg (ความดันโลหิตต่ำกว่าปกติ)
HR: 46 bpm (อัตราการเต้นของหัวใจช้ากว่าปกติ)

ไม่มีไข้ ไม่มีอาการทางสมองที่บ่งชี้ถึงโรคหลอดเลือดสมอง และไม่มีอาการชักใดๆ GCS (Glasgow Coma Scale) อยู่ที่ 15 หลังจากที่คุณป้าพักฟื้นได้ประมาณ 2 นาที ซึ่งบ่งบอกว่าการรับรู้และสติสัมปชัญญะกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว มือของคุณป้าเย็นเล็กน้อย ผิวแห้งเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นขาดน้ำรุนแรง และผล ECG ที่ทำไปก่อนหน้านี้ก็แสดงคลื่นไฟฟ้าหัวใจปกติ (sinus bradycardia) ไม่มี ST shift ที่บ่งชี้ภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน

บทที่ 3 – พี่ดาวกับความรู้สึกที่ไม่พูด: กำแพงที่มองไม่เห็น

พี่ดาว พยาบาลประจำ ER ผู้มีสายตาเฉียบคมในการสังเกตอารมณ์ผู้ป่วย เดินเข้ามาเงียบๆ แล้วกระซิบข้างหูหมอภูผาเบาๆ “คุณป้าคนนี้เคยเป็นครูประถมค่ะหมอ ดูจากมือแล้วเขียนกระดานบ่อยแน่ๆ แต่ตอนนี้พูดน้อยมาก สงสัยอายลูกชายที่ยืนอยู่ใกล้ๆ”

หมอภูผาเข้าใจทันที เขาหยิบเก้าอี้พลาสติกมานั่งลงข้างเตียงในระดับสายตาเดียวกับคนไข้ เพื่อให้คุณป้าลดารู้สึกสบายใจขึ้น

“คุณป้าครับ... ตอนที่ล้ม รู้สึกเวียนหัวหรือเจ็บหน้าอกไหมครับ?” หมอภูผาถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

คุณป้าลดายิ้มจางๆ ให้หมอภูผา ใบหน้ายังคงมีร่องรอยของความเขินอาย “มันมืดวูบไปเฉยๆ จ้ะ ไม่มีอะไรหรอก แค่อาย... ที่ต้องให้ลูกชายมาเห็นสภาพนี้” เสียงของคุณป้าแผ่วเบา แต่แววตาบ่งบอกถึงความรู้สึกที่ซับซ้อนกว่าแค่ “อาย” ราวกับมีเรื่องราวที่หนักอึ้งกว่านั้นซ่อนอยู่

บทที่ 4 – สิ่งที่หมอไม่มองข้าม: การเชื่อมโยงเบาะแสและปมในใจ

หมอภูผาขอให้พยาบาลดูกราฟ vital sign ที่วัดซ้ำ หลังจากที่คุณป้าลดาเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น ค่าความดันโลหิตเริ่มกลับมาเป็น 108/72 mmHg และอัตราการเต้นของหัวใจขยับขึ้นมาที่ 66 bpm ซึ่งบ่งบอกว่าร่างกายเริ่มปรับตัวกลับสู่ภาวะปกติได้เอง ไม่มีภาวะช็อก และ ECG ก็ยังคงปกติ

ธนา ลูกชายของคุณป้าที่ยืนอยู่ไม่ห่างนักพูดเสริมขึ้นมา “แม่ไม่ค่อยบ่นอะไรหรอกครับหมอ แต่หลังๆ นี้จะบอกว่าเหนื่อยง่ายเวลาถ่าย... เหมือนต้องออกแรงเยอะ”

แฟลชแบ็กของธนา: คำพูดของธนาทำให้เขานึกย้อนไปถึงอดีต... “แม่! ทำไมไม่กินผักเยอะๆ ล่ะครับ? ท้องผูกบ่อยๆ มันไม่ดีนะ!” เสียงของธนาในวัยหนุ่มดังขึ้นในหัว เขาจำได้ว่าเคยบ่นแม่เรื่องอาหารและเรื่องท้องผูกบ่อยครั้ง แต่แม่ก็มักจะยิ้มแห้งๆ แล้วบอกว่า “ไม่เป็นไรหรอกลูก แค่กินน้ำน้อย” ธนาเคยคิดว่าแม่ดื้อ ไม่ยอมดูแลตัวเอง แต่ไม่เคยรู้เลยว่าเบื้องหลังรอยยิ้มนั้น แม่ต้องทนทรมานกับการเบ่งถ่ายในห้องน้ำเพียงลำพังมานานแค่ไหน ความรู้สึกผิดกัดกินหัวใจเขา

คำพูดของธนาทำให้หมอภูผาพยักหน้าอย่างเข้าใจในที่สุด สัญญาณทั้งหมดเริ่มเชื่อมโยงกันอย่างชัดเจน: การเป็นลม หมดสติชั่วขณะ ความดันและชีพจรที่ลดลงพร้อมกัน และที่สำคัญคือ “การเบ่งถ่าย” ซึ่งเป็นแรงกระตุ้นรุนแรงต่ออวัยวะภายใน (visceral stimulus) โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่มีภาวะท้องผูก

หมอภูผานึกถึงภาวะ Vasovagal syncope (วาสโววากัล ซินโคป) ซึ่งเป็นปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกายที่มากเกินไปต่อสิ่งกระตุ้นบางอย่าง เช่น ความเจ็บปวด ความกลัว หรือการเบ่งที่รุนแรง ทำให้เส้นประสาทเวกัส (vagus nerve) ถูกกระตุ้นมากเกินไป ส่งผลให้หัวใจเต้นช้าลงและหลอดเลือดขยายตัวพร้อมกัน ทำให้ความดันโลหิตลดต่ำลงอย่างรวดเร็วและเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอชั่วขณะ

บทที่ 5 – การอธิบายที่ปลอบโยนใจ: ความเข้าใจที่นำไปสู่การป้องกัน

หมอภูผาหันไปหาคุณป้าลดาและธนาอีกครั้ง เขาเลือกใช้คำพูดที่เรียบง่ายและปลอบโยน เพื่อให้ทั้งคู่คลายความกังวล

“คุณแม่ไม่ได้ล้มเพราะโรคร้ายแรง หรือมีโรคหัวใจเลยครับ” หมอภูผาเริ่มต้น “แต่ล้มเพราะร่างกายตอบสนองต่อความเจ็บปวดในลำไส้ โดยการลดความดันและหัวใจเต้นช้าลงพร้อมกัน เราเรียกภาวะนี้ว่า vasovagal syncope ครับ”

ธนาพยักหน้าช้าๆ “มันน่ากลัวจังครับ…”

“มันน่ากลัวก็จริงครับ แต่ป้องกันได้” หมอภูผายืนยัน “สิ่งสำคัญคือต้องหลีกเลี่ยงการเบ่งมากเกินไป ดื่มน้ำให้เพียงพอ ทานอาหารที่มีกากใย และอาจใช้ยาถ่ายช่วยบ้างถ้าจำเป็น เพื่อให้การขับถ่ายเป็นไปอย่างสะดวก และที่สำคัญที่สุดคือ อย่าอายที่จะพูดว่า ‘แน่นท้อง’ หรือ ‘ถ่ายไม่ออก’ ครับ บางครั้งร่างกายขอความช่วยเหลือผ่านเรื่องธรรมดานี่แหละ”

คุณป้าลดาน้ำตาคลอเล็กน้อย เธอพยักหน้าช้าๆ ด้วยความรู้สึกที่เบาโล่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด การที่หมอเข้าใจและไม่ตัดสิน ทำให้เธอรู้สึกว่าความกังวลเล็กๆ น้อยๆ ของเธอมีความหมาย

บทที่ 6 – บทสนทนาที่รอคอย: ปมที่คลี่คลาย

หลังจากที่หมอภูผาให้คำแนะนำและเตรียมเอกสารการกลับบ้านให้ คุณป้าลดาก็ขอให้ธนาอยู่กับเธอเพียงลำพังครู่หนึ่ง แววตาของคุณป้าที่มองลูกชายเต็มไปด้วยความรักและความเจ็บปวดที่เก็บงำมานาน

“ธนา… แม่ขอโทษนะลูก” คุณป้าลดาเอ่ยเสียงแผ่ว มือที่เคยจับชอล์กเขียนกระดานบ่อยๆ ตอนนี้สั่นเล็กน้อยเมื่อเอื้อมไปกุมมือลูกชาย

ธนาตกใจ “แม่ขอโทษทำไมครับ? ผมต่างหากที่ต้องขอโทษ ที่ไม่เคยเข้าใจแม่เลย”

“แม่… แม่ไม่เคยอยากให้ลูกเห็นแม่ในสภาพอ่อนแอแบบนี้” คุณป้าลดาพูด น้ำตาไหลริน “เรื่องท้องผูก… แม่เป็นมานานแล้วลูก ตั้งแต่ตอนที่ลูกยังเด็กๆ แม่ก็พยายามกินผักเยอะๆ ตามที่ลูกบอกนะ แต่บางทีมันก็ยากเหลือเกิน… แม่ไม่อยากให้ลูกเป็นห่วง ไม่อยากให้ลูกต้องมาดูแลเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ แม่เลยไม่ค่อยบ่น”

“แม่… ผมไม่เคยคิดว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อยเลยครับ” ธนาตอบเสียงสั่นเครือ “ผมแค่… ไม่รู้จะช่วยแม่ยังไง ผมคิดว่าแม่ดื้อ ผมขอโทษที่ผมไม่เคย ‘ฟัง’ แม่จริงๆ… ไม่เคยฟังเสียงร่างกายของแม่เลย”

คุณป้าลดายิ้มทั้งน้ำตา “ไม่เป็นไรหรอกลูก… วันนี้แม่เข้าใจแล้ว ว่าบางครั้งสิ่งที่เงียบที่สุด… ก็กรีดร้องได้ดังที่สุด” เธอหันไปมองหมอภูผาที่เดินผ่านหน้าห้องไปพอดี “หมอภูผา… เขาฟังแม่ออก”

ธนาก้มลงกอดแม่แน่น ความรู้สึกผิดที่หนักอึ้งในใจพลันคลายลง ความสัมพันธ์แม่ลูกที่เคยมีกำแพงบางๆ กั้นไว้ด้วยความไม่เข้าใจและศักดิ์ศรี ได้ถูกเชื่อมโยงกันอีกครั้งด้วยความเข้าใจที่ลึกซึ้งกว่าเดิม

บทที่ 7 – เคล็ดลับจากหมอภูผา: การดูแลที่สมดุล

ขณะหมอภูผากำลังเขียน discharge note และให้คำแนะนำการดูแลตัวเองกับธนาและคุณป้าลดาอย่างละเอียด ธนาเอ่ยถามด้วยความกังวล

“หมอครับ… แล้วเรื่องดื่มน้ำเยอะๆ ล่ะครับ? แม่ชอบบ่นว่าถ้าดื่มน้ำมากไป กลางคืนจะปัสสาวะบ่อยจนนอนไม่หลับ”

หมอภูผาพยักหน้าอย่างเข้าใจ “เป็นเรื่องที่พบได้บ่อยครับคุณธนา โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่อาจจะนั่งหรือยืนนิ่งๆ ตลอดวัน ทำให้เลือดไปคั่งอยู่ที่ขา พอเวลานอนราบ เลือดที่คั่งอยู่ก็จะไหลกลับเข้าสู่หัวใจเพิ่มขึ้น ทำให้ไตขับน้ำออกมาเป็นปัสสาวะมากขึ้น”

“แน่นอนว่าภาวะปัสสาวะบ่อย โดยเฉพาะตอนกลางคืน อาจเป็นสัญญาณของโรคอื่นๆ ได้เช่นกันนะครับ เช่น โรคเบาหวาน หรือต่อมลูกหมากโตในผู้ชาย แต่ในกรณีของคุณป้า ผลตรวจเบื้องต้นไม่พบความผิดปกติเหล่านั้นครับ” หมอภูผาอธิบายเพิ่มเติมอย่างละเอียด เพื่อให้ข้อมูลที่ครบถ้วนและคลายความกังวล

“วิธีแก้ไม่ใช่การลดน้ำนะครับ แต่เป็นการปรับพฤติกรรม” หมอภูผาแนะนำด้วยรอยยิ้ม “คุณป้ายังคงต้องดื่มน้ำให้เพียงพอในตอนกลางวัน แต่ลองเพิ่มการเคลื่อนไหวหรือออกกำลังกายเบาๆ ในช่วงบ่ายดูนะครับ เช่น การเดินเล่นรอบบ้าน หรือการขยับขาบ่อยๆ เพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น ไม่ไปคั่งอยู่ที่ขามากเกินไป พอถึงเวลากลางคืน ร่างกายก็จะปรับสมดุลได้ดีขึ้น ทำให้ปัสสาวะไม่บ่อยเท่าเดิม และคุณป้าก็จะนอนหลับได้สบายขึ้นครับ”

คุณป้าลดาและธนาพยักหน้าพร้อมกันด้วยความเข้าใจ นี่คือคำแนะนำที่ละเอียดอ่อนและใส่ใจในคุณภาพชีวิตของเธออย่างแท้จริง

บทที่ 8 – บทเรียนที่ผู้อ่านควรจำ

จากเคสของคุณป้าลดา มีบทเรียนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม:

  • Vasovagal syncope: เกิดจากการกระตุ้นเส้นประสาทเวกัสอย่างรุนแรง เช่น ความเจ็บปวด การเบ่ง การกลัว หรือการเห็นเลือด
  • ลักษณะเด่น: อัตราการเต้นของหัวใจ (HR) และความดันโลหิต (BP) จะลดลงพร้อมกัน ซึ่งแตกต่างจากภาวะช็อกหรือภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะอื่นๆ
  • ในผู้สูงอายุ: ภาวะท้องผูกและการเบ่งถ่ายอุจจาระอย่างรุนแรง เป็นตัวกระตุ้นที่พบได้บ่อย
  • การป้องกันสำคัญที่สุด: การดื่มน้ำให้เพียงพอ การรับประทานอาหารที่มีกากใย การใช้ยาช่วยขับถ่ายเมื่อจำเป็น และการไม่ฝืนเบ่งอย่างรุนแรง สามารถช่วยป้องกันการเกิดซ้ำได้
  • ภาวะปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน (Nocturia) ในผู้สูงอายุ: อาจเกิดจากการคั่งของเลือดที่ขาในเวลากลางวัน เมื่อนอนราบ เลือดไหลกลับสู่หัวใจมากขึ้น ทำให้ไตขับปัสสาวะเพิ่มขึ้น
  • การแก้ไข Nocturia: ไม่ควรลดปริมาณน้ำที่ดื่ม แต่ควรเพิ่มการเคลื่อนไหวหรือออกกำลังกายเบาๆ ในช่วงกลางวัน เพื่อช่วยการไหลเวียนของเลือดและลดการคั่งของน้ำที่ขา
  • ภาวะปัสสาวะบ่อย: แม้ในกรณีนี้จะเกิดจากเลือดคั่งที่ขา แต่ก็ควรตระหนักว่าอาจเป็นสัญญาณของโรคอื่นๆ เช่น โรคเบาหวาน หรือต่อมลูกหมากโตในผู้ชายได้เช่นกัน
  • ไม่ใช่ความเสื่อมของอายุ: อาการนี้ไม่ใช่สัญญาณของความเสื่อมตามวัยโดยตรง แต่เป็นปฏิกิริยาของระบบประสาทอัตโนมัติที่ยังคงทำงานไวเกินไปต่างหาก
  • ความสำคัญของการสื่อสาร: การที่ผู้ป่วยกล้าบอกเล่าอาการที่ดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อยหรือไม่น่าอาย สามารถนำไปสู่การวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้องได้ และที่สำคัญคือ ความเข้าใจจากคนใกล้ชิด สามารถเยียวยาปมในใจที่ซ่อนอยู่ได้

จุดเชื่อมตอนถัดไป

เสียงจาก ER อีกฝั่งดังขึ้นมาอีกครั้ง

“หมอคะ! มีเคสเด็กชายอายุ 13 ปี ล้มขณะเจาะเลือดที่โรงเรียน มือเกร็ง ซีด แต่ไม่มีไข้ค่ะ!”

หมอภูผาเงยหน้าขึ้นจากแฟ้ม มองไปยังเตียงผู้ป่วยรายใหม่ที่ถูกเข็นเข้ามา

“…นี่มัน reflex แบบคลาสสิกเลย” หมอภูผาพึมพำกับตัวเอง

พี่ดาวที่เดินตามหลังเวรเปลมา กระซิบเบาๆ ข้างหูหมอภูผาด้วยรอยยิ้ม “เด็กคนนี้หน้าคล้ายหลานหมอเลยค่ะ…”